เพราะความมั่นใจของใครหลายคนเริ่มต้นที่ผิวสุขภาพดี ซึ่งนอกจากจะเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อทำให้ผิวแข็งแรงจากภายในจนเปล่งประกายสู่ภายนอกแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็นึกถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินซีธรรมชาติ หรือบางคนอาจเลือกดูแลผิวด้วยการไปปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์กระชับใบหน้า แล้วการดูแลผิวทั้ง 2 วิธีนี้แตกต่างกันอย่างไร และเราควรเลือกวิตามินกินเพื่อช่วยบำรุงผิว หรือการฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนดีกว่ากันนะ? ที่นี่มีคำตอบ!
รู้จักการฉีดฟิลเลอร์
แต่ก่อนที่จะไปเปรียบเทียบว่าวิตามินกิน หรือ ฉีดฟิลเลอร์แบบไหนดีกว่ากัน เราลองมาทำความเข้าถึงประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ ตลอดจนความแตกต่างของการฉีดฟิลเลอร์และการกินวิตามินซีกัน มาเริ่มกันที่การฉีดฟิลเลอร์กันก่อน
โดยการฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทต่าง ๆ เข้าไปในผิวเพื่อเติมร่องลึก ริ้วรอย ตลอดจนช่วยทำให้ผิวเต่งตึงและปรับรูปหน้าในบริเวณที่ต้องการได้ ซึ่งตามคลินิกชั้นนำที่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการรักษาจะมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราวที่สลายตัวได้ใน 4 – 6 เดือน ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรที่อยู่ได้นาน 2 ปี และฟิลเลอร์แบบถาวรที่มีอายุได้นานมากกว่า 3 ปีเลยทีเดียว
สารที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์
จากคำอธิบายข้างต้น หลายคนอาจสับสนว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะสามารถช่วยทำให้ผิวสุขภาพดีและขาวกระจ่างใสขึ้นได้อย่างไร ซึ่งคำตอบง่าย ๆ ของคำถามนี้ก็คือ การที่ฟิลเลอร์จะสามารถฟื้นบำรุงผิวได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง
หากอธิบายกว้าง ๆ คงบอกได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะเป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทต่าง ๆ เข้าไปตามความถนัดและผลลัพธ์ที่แพทย์วางแผนเอาไว้ ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งสาร Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึกควบคู่ไปกับการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว หรือคลินิกบางแห่งอาจใช้เป็นสารแคลเซียมฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่หลาย ๆ คลินิกอาจเลือกใช้กรดโพลี แอล แลคติกเพื่อฟื้นบำรุงผิวและเติมเต็มร่องลึกได้นานกว่า 2 ปี
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์
แม้ว่าจะให้ผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการเติมร่องลึก ริ้วรอย และตีนกาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก และต้องพิจารณาเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น เพราะหากไม่เลือกให้ดี นอกจากจะเสี่ยงเจอเข้ากับฟิลเลอร์ปลอมที่อาจตกค้างในร่างกายและส่งผลต่อชีวิตในระยะยาวแล้ว การฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ หมอกระเป๋าก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือทำให้ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดและเส้นประสาทได้
นอกจากนี้ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เติมร่องลึก หรือเพื่อฟื้นบำรุงผิว ผู้ใช้บริการยังต้องเช็กให้ละเอียดด้วยว่า ตัวเองมีอาการแพ้สารที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์หรือไม่ เพราะในบางเคส หลายคนมีอาการแพ้ฟิลเลอร์โดยไม่รู้ตัวจนทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามต้องการ หรือในกรณีรุนแรงอาจจำเป็นที่ต้องสลายหรือขูดฟิลเลอร์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยก่อนฉีดทุกครั้ง ทุกคนสามารถให้แพทย์ตรวจเช็กประเมินเบื้องต้นเพื่อวางแผนการรักษาและประเมินถึงความเสี่ยงได้เช่นกัน

วิตามินซีดูแลผิวได้ดีกว่าหรือไม่?
เมื่อทำความเข้าใจรายละเอียดของการฉีดฟิลเลอร์แล้ว การจะตัดสินใจว่าวิตามินซี หรือ ฉีดฟิลเลอร์แบบไหนดีกว่ากันนั้น ยังจะต้องพิจารณาถึงรายละเอียดและประสิทธิภาพในการดูแลผิวของวิตามินซีอีกด้วย
โดย วิตามินซี คือ วิตามินประเภทละลายน้ำได้ที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง มีคุณสมบัติในการเสริมภูมิคุ้มกัน ตลอดจนช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรงและดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
และเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ตลอดจนช่วยดูแลผิวให้แข็งแรงและขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกคนควรเลือกทานวิตามินซีจากผักผลไม้ หรือ อาหารเสริมให้ได้วันละ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัม
ประเภทของวิตามินซี
วิตามินซีสำหรับทานที่สามารถซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปนั้น จะมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ วิตามินแท้จากธรรมชาติ และ วิตามินที่สังเคราะห์ขึ้นมาในห้องแล็ป ซึ่งวิตามินซีทั้ง 2 ประเภทจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
- วิตามินซีแท้จากธรรมชาติ
วิตามินซีจากธรรมชาติ (Natural Vitamin C) คือ วิตามินซีที่พบได้ หรือ สกัดออกมาจากผัก ผลไม้ ตลอดจนอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีโดยตรง ซึ่งวิตามินซีประเภทนี้ นอกจากจะมีปริมาณวิตามินที่สูงแล้ว สารสกัดที่ได้ยังมาพร้อมกับสารอาหารอื่น ๆ อย่างไบโอฟลาโวนอยด์ และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย - วิตามินซีที่สังเคราะห์ขึ้นมา
วิตามินซีสังเคราะห์ (Synthetic Vitamin C) คือ วิตามินซีที่สังเคราะห์ขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการทางเคมีต่าง ๆ ซึ่งทำให้ได้วิตามินซีในปริมาณที่สูง แต่จะไม่มีสารอาหารอื่น ๆ ปะปนออกมา ทำให้ส่วนมากแล้ว วิตามินซีสังเคราะห์จะมีราคาที่ถูกกว่าวิตามินซีจากธรรมชาติ
ข้อควรระวังในการใช้วิตามินซี
นอกจากจะพิจารณาเลือกประเภทของวิตามินซีให้เหมาะสมกับความต้องการแล้ว ทุกคนยังควรเลือกทานวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมอีกด้วย เพราะในบางกรณี หากกินวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไป ร่างกายก็อาจต่อต้าน ทำให้เกิดอาการท้องเสียเนื่องจากร่างกายดูดซึมวิตามินซีมากเกินไป ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใช้วิตามินซีเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม อย่าลืมปรึกษาแพทย์เพื่อเช็กร่างกายและหาปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย
วิตามินซีกิน VS ฉีดฟิลเลอร์ เลือกแบบไหนดี?
จะเห็นได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์และการกินวิตามินซีนั้นล้วนเป็นการดูแลสุขภาพผิวที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสำหรับใครที่วางแผนฟื้นบำรุงสุขภาพผิวไปพร้อมกับการปรับรูปหน้าและเติมร่องลึกและริ้วรอยแห่งวัยตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาที่ควรค่าแก่การพิจารณาและตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด แต่สำหรับใครที่ต้องการดูแลสุขภาพผิวควบคู่ไปกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การเลือกทานวิตามินซีก็เป็นทางเลือกที่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้ แถมหลังฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 5 – 7 วันก็ยังสามารถทานวิตามินซีต่อเนื่อง เพื่อช่วยฟื้นและบำรุงผิวควบคู่กันไปได้อีกด้วย
หวังว่าการเปรียบเทียบวิตามินซีกิน VS ฉีดฟิลเลอร์ที่นำมาฝากนี้จะช่วยทำให้ทุกคนเห็นภาพความแตกต่างและประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพผิวได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาวิตามินซีแท้จากธรรมชาติที่ช่วยดูแลสุขภาพผิว พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันได้แบบครบจบในเม็ดเดียว Boom Vit C มาพร้อมกับวิตามินซีแท้สกัดจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ที่มีวิตามินสูงกว่าส้มถึง 50 เท่า และภายใน 1 เม็ดยังมาพร้อมกับสารอาหารจากธรรมชาติเพื่อการฟื้นบำรุงผิวและดูแลสุขภาพได้ครบจบมากยิ่งขึ้น